First ครั้งเริ่ม ครั้งแรก

First ครั้งเริ่ม ครั้งแรก 

Friday July 27, 2012

จริงๆ แล้วแอบเขินนะที่จะบอกว่านี่เป็นการไปต่างประเทศครั้งแรก ครั้งแรกจริงๆ อาจมีข้ออ้างหลายอย่างที่จะไม่ได้ไป เพราะส่วนใหญ่ก็ติดแต่งาน แล้วเราไม่ได้เป็นคนสนใจอะไรเรื่องสถานที่อะไรแบบนั้นด้วย เลยกลายเป็นว่าเวลาจะไปไหนก็ไปด้วยความไม่ได้ตั้งใจ เหมือนทริปก่อนหน้า ฮ่าๆๆ
เอาเป็นว่าเราเตรียมตัวอย่างดีมาก โดยพี่ตาลเป็นคนจองตั๋วเครื่องบิน หาโฮสเทลที่โลเคชั่นเทพๆให้นอน และให้ยืมกระทั่งหนังสือ guide book ทริปนี้มีพี่แมค พี่ตาล พี่เดียว พี่นุ่น และมาริ ไปด้วยกัน

เราแพคของคืนก่อนไปยัดลงกระเป๋าเดียวกับมาริที่เตรียมกระเป๋าสีชมพูหวานๆ ที่พร้อมลากได้อย่างจริงจัง ยัดของสองคนหลวมๆ เผื่อพื้นที่ยัดของที่จะ shopping กลับมา แล้วเราก็พร้อมออกเดินทางเช้าวันศุกร์ตอนเก้าโมงเช้า ตื่นอย่างงัวเงียช่วงเจ็ดครึ่ง เผื่อ girl time ให้ได้ใช้เต็มที่ จากนั้นเราก็ออกจากบ้านด้วย taxi ตรงไปยังสนามบิน ว่าแต่เอาจริงๆ ตอนนั้นในหัวไม่มี idea เลยว่าฮ่องกงคืออะไรและมีอะไร ไปแบบหัวโล่งๆ

ถึงสนามบินก็ไม่มีอะไรมาก check-in แลกเงิน ข้าวเช้า แล้วก็ตบด้วยกาแฟ ตามปกติ แล้วก็ไปผ่านตม. หลังจากทั้ง 6 คนก็แยกย้ายซื้อของกันตามต้องการ เราก็ไปแวะนั่งร้านกาแฟอีกรอบ ก่อนเข้าไปที่ gate มาริก็เล่นเกมส์ไปเรื่อยเปื่อย รอที่ gate อย่างชิว จนขึ้นเครื่อง ( พี่ตาลจองไว้เป็น cathay pacific cx750 ออกตอน 12.40 ) โดยที่เรามาถึงกันตั้งแต่ก่อนสิบโมง ฮ่า อยู่สนามบินอย่างนาน


Lion #bangkok #cash #hongkong
Suvarnabhumi Airport (BKK) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

บนเครื่องก็นั่งแยกกันไปเพลินๆ แอร์ cathay น่าจะเป็นสาวจีน หน้าตาจิ้มลิ้ม เราก็ดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย บนเครื่องมีเสิร์ฟอาหารด้วย คิดว่าเป็นต้มข่าไก่ (แอบแปลกใจ หรือว่าต้มข่าไก่เป็นอาหารจีน???) เวลาเดินทางราว 3 ชั่วโมง ตอนเกือบๆ ถึงเราก็ยกกล้องฟิล์มอันเล็กของเราขึ้นมาเล็งบนเครื่อง จังหวะเดียวกะแอร์สาวเดินมา เราก็แปลกใจทำไมเอามือปิดหน้า แล้วหันไปมองหน้าแอร์อีกคน เค้าก็ทำมือห้ามถ่าย เราก็อ่าว ปกติถ่ายรูปบนเครื่องได้นี่หว่า เลยงงๆ จากนั้นแปปนึงแอร์คนที่สอง ก็เดินมาหาบอกว่า feel uncomfortable ที่จะถูกถ่ายรูปให้ลบรูปหน่อย เราก็อ่าว ไม่ได้จะถ่ายรูปแอร์ และกล้องนั่นกล้องฟิล์มลบไม่ได้ แต่ก็บอกเค้าไปว่ายังไม่ได้ถ่ายอะไรเลยหละ เพราะพอเล็ง เธอเองก็บอกว่าไม่ให้ถ่าย – -” เซงเป็ด กลายเป็นเข้าใจผิดกันอีก แหมมมม ระหว่างนั้นเลยทำเป็นไม่สนใจ ไม่มองก็ได้วะ แหม มองนิดทำเป็นคิดว่าอยากได้รูป น่ารักมากกกกก ฮ่าๆๆๆ น่านหละ ชิวๆ

ลงเครื่องราว 5.51PM เวลา local อ่อ hong kong นี่เร็วกว่าเรา 1 ชั่วโมง ก็เดินไปตม. รอคิวยาวนิดจนถึงคิวเรา พอเจ้าหน้าที่เปิด passport เราดูมันก็งงๆ แล้วก็ถามว่า มาคนเดียวหรอ เราว่าเปล่ามากะเพื่อน นี่ไงอยู่ข้างหลัง แล้วก็เริ่มถามโน่นถามนี่ เรียกเอาตั๋วเครื่องบิน booking โรงแรม passport ของมาริ แล้วก็พลิกๆๆๆ ของมาริ กะของเราดู คงงงว่ามันมาด้วยกันยังไง passport มาริ มี visa เพียบ เราไม่มีเลย เราก็บอกว่าเอ้ย คนก่อนหน้าเราเมื่อกี้ก็พวกเรามาด้วยกัน มากัน 6 คน แล้วก็ยังถามอีกว่าเรามา hong kong ทำไม พี่คร้าบ ผมมาเที่ยว ทุกคนก็ต้องมีครั้งแรกปะ แหมทำเป็นยากเย็น แต่ในที่สุดเค้าก็ปั้มให้ ผ่านเข้าไปได้ทั้งคู่ – -” พี่นุ่นก็ว่าแกก็โดนถามโน่นนี่เหมือนกัน ไม่รู้ทำไม


I cannot get in #hongkong #checkin #sign #immigration #day #indoor#object
Hong Kong International Airport (HKG) 香港國際機場

อ่ะ รอดเข้ามาได้หละ ทีนี้ไปไหนต่อหละ มึนๆ เดินตามพี่ๆ ไปซื้อบัตรที่เรียกว่า Octopus card เจ้านี่เอาไว้จ่ายค่าโดยสารเหมือนบัตร BTS บ้านเรานี่ เสร็จก็เดินตามพี่ๆ จนออกไปถึงที่จอดรถบัสเพื่อเข้าเมือง พี่แมคเป็นผู้นำทางเรา บนบัสมี wi-fi ให้ใช้ฟรี อ่อ ใน air port ด้วย ก็ดีเหมือนกันเพราะตอนนั้นยังไม่ได้ซื้อซิม นั่งไป ถ่ายรูปไป หลับไป ผ่านภูเขา สะพาน อุโมงค์

ชั่วโมงกว่า ก็ถึง causeway bay ( เอาจริงๆ ยังไม่รู้ว่าคืออะไร คือที่ไหน ) เสร็จก็ลากกระเป๋า หา hostel ที่พี่ตาลจองให้ ลงมาถึงตอนแรกก็โอ้ คนอย่างเยอะ เดินกันหวักไขว่ เราก็แหวกกันไปจนถึง hostel ที่แอบตัวอยู่ใจกลางแหล่ง shopping เลยทีเดียว

ความเพลินก็เริ่มกันตั้งแต่ตอนเดินหาห้อง เดินวนไปมา เอ๊ะ เลขที่ 47 ถนน paterson อยู่ตรงไหนเนี่ย มันเป็น shop brand name ทั้งนั้นนิ ระหว่างเดินอยู่ก็พบว่า มันมีประตูเล็กๆสำหรับเปิดเข้าตึก ที่หน้าประตูด้านบนก็มีเลข 47 แปะอยู่ อ่ารอดแล้ว ถึง hostel ขึ้นลิฟท์ตรงไปยันชั้น 9 ตามใบที่พี่ตาลปริ้นท์ไว้ให้ ปัป อ่าว ชั้นเก้าบอกให้ลงไปชั้น 3 สรุปว่าเราอยู่ชั้น 3 นั่นหละ มี lobby และคอมพิวเตอร์ให้เล่นเนทอยู่ การเลือกนอน hostel ชิวๆ ทริปนี้เพราะโลเคชั่นระดับเทพนั่นเอง และเพื่อ save cost ห้องพักเพราะเราแทบไม่อยู่ในห้องพักกันเลย

อ่ะถึงหน้า lobby ก็เชคอิน พี่คนจีนเจ้าของนั่นพูดอังกฤษสำเนียงจีนพูดจาน้อย พี่ผู้หญิงผู้พาเราไปห้อง ไม่พูดอังกฤษเลย ฮ่า คือภาษามือล้วนๆ ห้องเรามีหน้าต่างและอยู่หัวมุมของตึกมองเห็น paterson street ชิวๆ เอาของเก็บกันเรียบร้อยมีเวลา 15 นาที ก็พร้อมออกเดินทางไปหาข้าวเย็นกินตอนนั้นราวทุ่มครึ่ง พ้นจากเจ้าอาหารบนเครื่องมาสักสามสี่ชั่วโมง เริ่มมื้อแรกด้วยร้าน Se wong yee ที่พี่แมคพาเดินไป เดินๆ เดินๆ เดินๆ เลี้ยวหัวมุมนึง ก็เจอร้าน จังหวะนั้นผมยังไม่อยู่ใน mode รับรู้อะไรทั้งสิ้น ทำได้แค่เดินตามๆไป (ที่มารู้ทีหลังว่าเป็นร้านดังร้านนึง)

พออยู่หน้าร้าน ก็ส่องหาโต๊ะ ซึ่งมันเต็มแทบทุกโต๊ะ จนเราแยกกันนั่งเป็น 4 กะ 2 ผมกะมาริ ไทยแลนด์กะฟินแลนด์ นั่งแยกโต๊ะจากพี่ๆ ทำหน้าตาแบ๊วๆ ดูเมนูที่ตอนแรกจีนล้วนไม่มีภาษาอังกฤษใดๆเลย จนพี่พนักงานเสิร์ฟเอาเมนูอังกฤษต่างหากมาให้ เอ่อ…ว่าแต่ i have no idea จริงๆ ว่าต้องกินอะไร มาริเอาตัวรอดโดยการสั่งข้าวกับไก่ ( ปกติมาริชอบกินข้าวมันไก่ และคิดว่ามันน่าจะทำนองเดียวกัน ซึ่งมาริ เดาถูก รอดไป ) ไอ้เราก็อ่านๆ มึนๆ สั่งกะว่าหมูแดงแน่นอน พร้อมชี้ซุปของพี่คนจีนที่เราไปขอแชร์โต๊ะเค้าด้วย ว่าเอาซุปแบบนี้ด้วยนะ การสื่อสารที่แทบเป็นไปได้ศูนย์กับพี่บ๋อย ทำให้เราก็ชี้ๆเอาง่ายสุด ผมได้กุนเชียง (ไอ้ที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นหมูแดง) เซง เสร็จ ก็แบ่งกันกะมาริ แล้วก็แอบลุกไปดูโต๊ะพี่ๆว่าเค้ากินอะไรกันนะ จนได้รู้ว่า อ่อ เค้าสั่ง ชามแบบรวม 3 อย่าง หมูแดง เป็ด และไก่ ว้าาาาาา ทำไมเราอดกิน เลยสั่งซะ อ้วน อิ่มหมีพีมัน แบบยัดไม่ลงกันเลยทีเดียว ปิดเกมส์เชคบิล แล้วก็ย้ายตัวออกจากร้านที่คนเยอะๆ เดินไป seven ซื้อน้ำนิดๆ เดินกลับมาพร้อมกับพี่ๆ ก็เตรียมตัวพร้อมที่หน้าร้าน แล้วก็เดินไปซื้อซิมการ์ด internet unlimited กันก่อนเพราะไม่งั้นทุกคนคงขาดใจ ยืนรอคิวกันพักนึงก็ได้เจ้าซิมที่ว่า เปลี่ยนซิมกันรวดเร็ว และพร้อมออกเดินทาง เพื่อไปยังจุดหมายถัดไปของเรา

จุดหมายถัดไป แหล่งรวมร้านเหล้า Lan Kwai Fong ฮ่าๆๆๆ ได้ที ว่าแต่ตอนจะไปเนี่ย พี่แมคเช่นเคย พาเราเดินยังป้ายรถเมล์ และรอรถที่เรียกว่า Tram ก็เจ้ารถรางโบราณที่มีมาช้านาน นั่งกันอย่างชิว อ่อจริงๆ อาทิตย์ก่อนที่เราจะมามีไต้ฝุ่นเข้า ทำให้มีคนค้างสนามบิน 2 วันทีเดียว แต่ว่าพอเรามาถึงก็มีแค่ฝนปรอยๆ เล็กน้อยทำให้อากาศค่อยข้างดี แต่มาริดันทิ้ง octopus ไว้ห้องเลยต้องรวมรวบเหรียญเพื่อชึ้น Tram นั่งไปเราก็ชิวกันไปบน tram ดูบรรยากาศไปเรื่อย

จนลง lan kwai fong ก็เริ่มเดิน เดิน เดิน เพื่อดูว่าจะนั่งร้านไหนดีนะ วนครบหนึ่งรอบก็เลือกร้านที่ออกแนวฝรั่งนั่งเยอะหน่อย (ทั้งที่จริงๆสาวฮ่องกงร้านอื่นเพียบ ไม่น่าพลาด) นั่งร้าน ilan cafe bar ก็ชิวดี ก่อนหน้านั้นเราก็แอบเดินไปซื้อเบียร์กะคุณลุงข้างทางที่มีแผงลอยอยู่พร้อมตู้แช่ การสื่อสารทำได้โดย แกกดที่เครื่องคิดเลขว่าเบียร์เราราคาเท่าไร เออสะดวกดี นั่งสักหมดแก้ว เรากะมาริก็แยกตัวจากพี่ๆ ไปเดิน survey อีกสักรอบเผื่อมีอะไรสนใจ วนๆ อ้อมๆ เดินไปเดินมา เห็น shop fred perry อยู่ไม่ไกล แล้วก็เดินวนกลับมานั่งที่บาร์ต่อ ชิวกันจนสักห้าทุ่มก็พร้อมเดินทางกลับ ที่ lan kwai fong คนมาปาร์ตี้กันเพียบ ไม่แน่ใจว่าเพราะคืนวันศุกร์หรือเปล่า ทั้งจีน และฝรั่ง รวมทั้งนักท่องเที่ยว ผสมปนเปกันไปหมด เราว่าได้อารมณ์ออกคล้ายๆ สีลมนะ ที่รอบๆเป็นออฟฟิต แล้วตรงซอยๆ เป็นร้านเหล้าเพียบ แหมน่าเสียดายที่มาแค่วันเดียวไม่งั้นยาว ฮ่าๆๆๆ


There #hongkong #outdoor #night #tower
Central 中環


Check in #hongkong #outdoor #night


Corner #hongkong #outdoor #night
Lan Kwai Fong 蘭桂坊

เสร็จ เราก็มุ่งหน้ากลับ hostel ด้วย tram เช่นเคย แวะ forever21 พักนึง แต่ก็ยังไม่ได้ซื้ออะไร แล้วก็แวะซื้อพวกน้ำขนม เบียร์ สบู่ ยาสระผม แล้วก็ถามหน้า lobby ว่าจะซื้อหัวต่อไฟได้ที่ไหนเค้าก็ให้จ่ายมัดจำ 20$HK ต่ออันเราเอา 2 อัน ก็สามารถชาร์ตอะไรได้แล้ว! ขึ้นห้องก่อนนอน วันนี้ก็นอนแบบไม่เอาอะไรกันหละ

ตั๋วเครื่องบิน 2 คนไปกลับ 18,600.-
Taxi จากบ้านไปสนามบิน : 260.-
แลกเงิน 37,000.- สำหรับสองคน ~ 9,250$HK
R burger เนื้อ set เท่าไรจำไม่ได้
Starbuck grande latte 130B
หมากฝรั่ง
น้ำเปล่า + โค้ก
Octopus card 150$HK
ข้าวเย็น Se wong yee 150$HK
น้ำเปล่า บุหรี่ 60$HK
Sim card 100$HK
Tram ไป 2.3$HK
Corona beer แผงลุง 20$HK x 4 = 80$HK
Sea Breeze 60$HK
Tram กลับ 2.3$HK
Heineken beer + energy drink + water + snack 60$HK
soap + shampoo จำไม่ได้ประมาณ 69$HK
Day 1 Total : 733$HK

1 Comment

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s