============
DAY 1
FRI, APR 5 2013
============
ตื่นเช้ามาด้วยความประหลาด และอะไรดลใจสักอย่าง พร้อมถกเถียงจนได้เรื่องว่าเราออกต่างจังหวัดกัน
ไปยังไง ไปแบบไม่มีแผนอีกเช่นเคย แบบนี้หละทริปเราเลยลุกแพ็คกระเป๋าอย่างเร่งด่วนเพื่อหนี
ออกต่างจังหวัดก่อนชาวบ้านเค้า และมันเป็น long weekend (เชคเสม็ดไม่มีว่าง)
พอดิบพอดีกับคนอื่นหยุด 3 วัน เราเลยเลือกหนีตั้งแต่ 4 ศุกร์ทำให้เราได้ 4 วันแห่งการออกเดินทาง
แวะเข้าไปเคลียร์งานโน่นนีที่ออฟฟิตเสร็จ ก็ออกเดินทางสักประมาณบ่ายโมง สองคนกับมาริ
เราเลือกวิ่งมอเตอร์เวย์ แวะตาบักแปปนึง แอบทำงานส่งให้ลูกค้า แล้วก็เดินทางต่อ
แต่ว่าเลือกเลี้ยวผิดครับ คือเราต้องเลี้ยวออกไปแกลง แต่ว่า…เลย ทำให้เสียเวลาไปอีกเกือบชั่วโมง
ถึงท่าเรือเฟอร์รี่อ่าวธรรมชาติ ห้าโมงเกือบๆหกโมง เรือออกทุก 20 นาที เรือลำใหญ่โต ขนทั้งรถทั้งคน
ขึ้นฝั่งตรงอ่าวสับปะรดเสร็จเราก็ตรงไป Lonely Beach ที่ที่มาริชอบไปพัก และก็เป็นแหล่งรวม
back packer ออกแนวฝรั่งล้วนๆ ก็มีคนไทยตามประสาแต่น้อยกว่าหาดอื่นๆ
ใช้เวลาขับรถบนเกาะจากท่าเรือไปหาดราวๆ 45 นาที เพราะเริ่มมืด และทางบนเกาะช้างก็เป็นแนวภูเขา
ไต่ขึ้นไต่ลง วนเวียน เลื้อยไปได้เรือ่ยๆ จนถึงที่พัก ที่เราไม่ได้จอง ฮ่า ไปแบบไม่จองมาริบอกว่าไม่ต้อง
เพราะไม่มีคนไทยไปพักหรอก ทำให้ไม่น่าจะเต็ม ก็จริง ไม่มีคนไทยไปพัก
เราเช่าบังกะโลเล็กๆ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำที่มีหลังคาไว้นอนอาบแดดได้
ที่ Sea Flower Resort อยู่ท้ายซอย 1 (จำชื่อซอยไม่ได้) ซึ่งมันติดกับทะเลเลย แต่ไม่มีหาด
เราก็ขับรถเข้าไปหน้าตาเฉย บังเอิญเจอพี่ผู้หญิงเจ้าของ นั่งอยู่ตรงร้าน minimart ด้านใน
เค้าก็ถามว่าเราพักกันกี่คืนยังไง แล้วก็พาดูห้องเสร็จ ก็ไปเอา free wi-fi ส่วนพนักงานเป็น Cambodia
ที่ไม่พูดไทย ต้องสื่อสารภาษาอังกฤษกับเค้า เคลียร์เรื่องห้องย้ายของลงเสร็จ ก็ออกหาข้าวกิน
เดินออกมาจากที่พัก มาริรู้จักคนเยอะแยะเกือบทั้งซอยเพราะมาบ่อยมากๆ ในหลายปีทีผ่านมา
ก็เดินทักทายคนไปเรือ่ย เราไปกินข้าวเย็นที่ร้าน Stone Free ร้านอาหารแนวคันทรี่
ที่มาริบอกว่าสร้างจากไม้ที่เก็บมาประกอบเรือ่ยๆจนกลายเป็นบ้านใหญ่โต
นั่งฟังเพลงคันทรี่พร้อมกินผัดกระเพรา ฮ่าๆๆๆ
แล้วก็กลับมานั่งชิวที่ Ting Tong Bar บาร์ที่เพื่อนมาริทำงานอยู่ ตอนเรานั่งนั่นเล่นสด
เพลงร็อค แต่ว่าโหดไปหน่อยเราเลยย้ายไปต่อ Hummel Bar เพื่อนมาริเป็นเจ้าของ
อันนี้เราจัด bucket กัน กินฟรี ซะงั้น หลังจาก Hummel ก็กลับมา ting tong
อยากบอกว่า แสงโสม 60 บาท เอิ่ม ถ้าจะถูกแบบนี้ก็เสร็จโจร กินเรียบ ฮ่าๆ
แต่ว่าเที่ยงคืนก็หมดแรงกันหละ เพราะอยู่บนรถตลอดวัน เลยกลับมานอนอย่างเร็ว
ค่าใช้จ่าย
– ค่าน้ำมัน 800.-
– ตาบัก มอเตอร์เวย์ 500.-
– ค่าเรือเฟอร์รี่ รถ 120 + 2 คน 160 = 280.-
– ค่าที่พัก Sea Flower : 3 คืน, คืนละ 900 แต่ลดให้เหลือ 800 x 3 = 2,400.-
– ข้าวเย็น 2 คน 150.-
– เครื่องดื่ม 2 คน 300.-
============
DAY 2
SAT, APR 6 2013
============
ตื่นเช้าจัดอาหารเช้าง่ายๆ american breakfast ในซอยรีสอร์ทเรา เสร็จก็เตรียมของพร้อมเดินออกไปหาด
ระหว่างทางมาริแวะซื้อโสร่งอันนึงให้เรา เดินไปหาด lonely beach ห่างไปประมาณ 500 เมตร
ผู้คนไม่เยอะเท่าไร เรียกได้ว่าสงบทีเดียว เป็นหาดที่มีแต่ฝรั่งจริงๆ อาบแดดกันเรียงราย
แต่มีพื้นที่ให้เราได้ปักหลักเช่นกัน
ใช้เวลาอยู่ที่นี่เนิ่นนานอยากบอกว่าร้อนมากกกกกกกกกก แต่มาริจะอาบแดด เลยนั่งอยู่ด้วยตลอด
เล่นน้ำ อาบแดด เล่นมือถือ ยาววว จนไม่ไหว เลยแอบไปหลบใต้ต้นไม้ให้มาริอาบไปคนเดียว
อาบแดดจนมาริพอใจ ก็กลับบังกะโล ไม่ไหวจริงๆ ร้อนเหลือหลาย จนต้องนอนพัก แอบทำงานด้วย
หายเหนื่อยก็ขับรถไปต่อที่ หมู่บ้านชาวประมงบางเบ้า ใช้เวลาประมาณ 15 นาที แวะ 7eleven ก็เดินเล่น
เดินหาซื้อฟิล์ม เพราะมีเพียบ แต่ดันลืมเอาไป คิดว่าจะไม่ได้ก็เจอจนได้เลยซื้อมา 2 ม้วน
แต่สงสัยมากคือฟิล์มอย่างใหม่ ยังไม่หมดอายุ จำได้ว่า Kodak มันล้มละลาย…งง
เราก็แวะมากินข้าวเที่ยง ตอนบ่ายสามที่ร้าน Buddha View ร้านวิวเท่ห์ๆ อาหารก็แจ่มอันนี้โดน
เสร็จก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ แถวหมู่บ้านนี้ก็จะเป็นพวกร้านขายของฝาก ร้านอาหาร แล้วก็ท่าเรือ
ที่เอาไว้ไปดำน้ำด้วย ตอนแรกเราก้ว่าจะไปแต่ว่าไม่ได้ไป เดินถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย ก็กลับ
วันนี้แอบไม่ได้ออกกลางคืนเพราะมาริหลับตั้งแต่สองทุ่ม เอิ่ม ผมนอนตีสองปกติ แล้วทิ้งกันหลับไปแบบนี้….
ค่าใช้จ่าย
– ข้าวเช้า 300.-
– โสร่ง 150.-
– ข้าวเย็น 1,300.-
– ค่าฟิล์ม ม้วนละ 150, 2 ม้วน 300.-
– น้ำขนมเบียร์ 200.-
============
DAY 3
SAT, APR 7 2013
============
ตื่นมาบอกมาริว่าจะเปลี่ยนร้านกินข้าวเช้าบ้าง เลยเดินลัดเลาะหาดไปอีกด้านจากปกติ
ไปเจอ Warapura Resort ที่มี buffet breakfast เลยจัดซะ อิ่มหนำ บรรยากาศดีด้วย
ไม่มีแผนอะไรมากมายวันนี้ เป็นวันที่ชิวอยุ่ในรีสอร์ทเฉยๆ แล้วก็นั่งเล่นเนททำงาน ดูทีวี หลับ
แต่ว่ามื้อกลางวัน(เย็น)เราไปที่ หาดไก่แบ้ เพื่อกินร้านอาหารเยอรมันที่มาริอยากไป
ร้าน Kai Bae Marina จัดหนักไปอีกหนึ่งมื้อ แล้วก็ไปต่อด้วยการนั่งชิวที่ริมหาดอีกวัน
ที่นี่ก็ชิวมาก ไม่มีผู้คนเช่นกัน เออ ไม่รุ้ว่า long weekend เค้าไม่มากันหรือไงแถวนี้
วันนี้ไม่นั่งตากแดดหละ ร้อนเกิน เราเลือกนั่งใต้ร่มไม้ นั่งจนเย็นย่ำ ก็กลับเข้าที่พัก นอนพักกันอยู่พักใหญ่
กลายเป็นว่ามาริจะสักลายใหม่ เลยต้องไปนั่งรอที่ร้านสัก Bamboo tattoo by blue มาริสักลายเครื่องบิน
แต่ว่าเรานั่งรอไปรอมา เค้าก็บิ้ว คือเคยคิดอยู่แต่ว่าไม่ได้ทำสักที แล้วพอมานั่งอยู่ในร้านบรรยากาศมันได้
เลยเอาไอ้ลายที่คิดไว้ให้เค้าดู สบาย พี่บลูบอก เลยโดนจัดไป 3 สี infinite triangle ตรงท้องแขน
เจ็บแปลบขึ้นมาทันที ไม่คิดว่าจะทำเล้ย โดนไป มาริทำแค่ครึ่งชั่วโมง เราล่อไปชั่วโมงครึ่ง
ผลอออกมาก็อย่างที่เห็น เราชอบนะ ว่าจะไปเติมต่อ (น่าจะยาว)…
ปิดคืนนี้ด้วยการนั่งที่ Ting tong bar แล้วก็กลับเข้านอนไม่ได้ปาร์ตี้เพราะต้องเก็บแรงขับรถกลับ
ค่าใช้จ่าย
– ข้าวเช้า 360.-
– ข้าวเย็น 1,000.-
– ค่าสัก 2 คน 2,000.-
– น้ำขนมเบียร์ 200.-
============
DAY 4
SAT, APR 8 2013
============
วันนี้เหมือนเดิมยังคงไปกินข้าวเช้าที่ Warapura Resort เพราะติดใจบรรยากาศ และอาหารก็โอ
นั่งชิวๆ แล้วก็กลับห้อง pack กระเป๋า check-out กลับบ้าน แต่ก่อนกลับเราก็แวะ หาดทรายขาว สักนิด
ขับรถจาก resort มาครึ่งชั่วโมง เพื่อจะมานั่งอาบแดด ตามประสามาริ นั่งพักใหญ่จนพอใจ ก็กลับบ้าน
ระหว่างนั้น(เราทำงานตรงหน้าหาด หิ้วคอมลงมาเพราะมีต้อง revise ราคาด่วนๆ)
ออกจาก white sand beach ก็แวะจุดถ่ายรูปเล็กๆจุดหนึ่งที่ยังไม่ได้เป็น official แต่มีคนแวะกันอยู่บ้าง
ถ่ายรูปจนพอใจเราก็ขับต่อ แต่ว่า…..
ก่อนจะถึงท่าเรือ 4 Km เราก็พบว่า รถติดสลัด คือไม่วิ่งเลย
ออกจาก white sand เที่ยง ได้ขึ้นเรือตอนบ่ายสองครึ่ง oh my…. คือรู้เลยว่าคนมาเที่ยวเยอะ
เพียงแต่เราไม่ได้เจอเค้าเพราะอยู่กันคนละหาด นั่งอยู่ในรถเหมือนคนป่วย แล้วคิดดูว่าทางมัน
ขึ้นลงเนินเขาอยู่ตลอดเวลา อย่างน่ากลัว ต้องจอดคาอยู่ตรงเนินกว่า 30 นาที ถึงขยับที
เพราะมันเหมือนปล่อยรถเป็นรอบๆตามเรือที่รถได้ขึ้นไป อย่างโหด
ได้ขึ้นเรือก็ต้องแวะพักสักแปปเลยทีเดียว นั่งอยู่ในรถกันจนหิว จนต้องมาแวะกินข้าวเย็นที่ จันทบุรี
ใช้ 4square หาเอา มาริ อยากกินส้มตำ เลย search แล้ววิ่งตามซอยไปมาจนเจอร้าน ส้มตำเจ้รัตน์
ไปตอนป้าแกกำลังจะปิดร้าน แต่ยังมีของให้กินอยู่อย่างที่อยากกิน เลยจัดหนักอีกมื้อนึง
ป้าแกอัถยาศัยดีมาคุยกับมาริ ถามๆ กินได้ไหมหนู (ถามฝรั่งด้วยภาษาไทย เราก็ต้องแปล) เก่งนะกินเผ็ดได้
ฮ่า น่ารักดี จัดหนักจนอิ่มก็พามาริเดินย่อยดูบ้านเมืองเก่าตรงเรียบน้ำ เดินจนเหนื่อยก็ซัดยาว
ใช้เวลาขับเนิ่นนาน กว่าจะถึงบ้านก็เกือบสี่ทุ่ม เที่ยง-สี่ทุ่ม บ้าไปแล้ว ตอนช่วงสองทุ่มเราให้มาริขับแปปนึง
เพราะเราไม่ไหวจริงๆ ขับมาแปดชั่วโมง นี่ล่อไปเกือบ 10 ชั่วโมง กลับมาถึงก็หลับเป็นตายเลยทีเดียว
ค่าใช้จ่าย
– ข้าวเช้า 360.-
– ค่าเรือเฟอร์รี่ รถ 120 + 2 คน 160 = 280.-
– ข้าวเย็น 450.-
– น้ำมัน 1,600.-
– น้ำขนมเบียร์ 200.-
ทริปนี้เราตัวดำอยู่คนเดียว มาริตัวชมพู ไม่มีอาการแทนเกิดขึ้น เอิ่มคนอยากดำไม่ได้ดำ…
Tips
– Lonely Beach มีแต่ฝรั่ง แต่ไม่พลุกพล่าน กลางคืนมาบาร์เปิดยันเช้า
– Lonely Beach ร้านสักเพียบ
– Lonely Beach มี guest house, กระท่อม, บังกะโล, รีสอร์ท ราคาตั้งแต่ 200-หลักหมื่น
– Lonely Beach มีห้องว่างตลอดอยู่ที่ว่าจะนอนยังไง